คุณสมบัติของส่วนผสมแต่ละตัวในบทความด้านล่างได้
โสมมีสรรพคุณเป็นยาช่วยบำรุงหัวใจ โดยออกฤทธิ์คล้ายกับยา digoxin ช่วยป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด ป้องกันภาวะเส้นเลือดอุดตันใช้รักษาและป้องกันโรคผนังเส้นเลือดแดงใหญ่หนาและแข็ง โดยโสมจะไปช่วยทำให้คอเลสเตอรอลที่เกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือดลดน้อยลง โสมมีฤทธิ์ต้านการจับตัวกันของเกล็ดเลือด ช่วยลดอาการผิวหนังแห้งและเหี่ยวย่น จึงช่วยทำให้ผิวชุ่มชื่นขึ้นช่วยเร่งฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายของผู้ป่วย ช่วยลดอาการข้างเคียงจากการฉายรังสีช่วยลดการหลั่งกรดและน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ช่วยยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
ถั่งเช่า ช่วยเพิ่มกำลังวังชา บำรุงร่างกายให้แข็งแรง สดชื่นแก้อาการอ่อนเพลีย สร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย บำรุงหลอดเลือด บรรเทาอาการหอบ ลดความเหนื่อยล้า บรรเทาอาการเจ็บหน้าอก ช่วยแก้ไข้ ขับเสมหะ แก้ไอช่วยไม่ให้ไขมันทรานส์เกาะเป็นไขในหลอดเลือด ช่วยบำรุงตับและไตให้แข็งแรง กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดการอักเสบ ช่วยห้ามเลือด ยับยั้งสารพิษและเชื้อแบคทีเรีย เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ช่วยให้อสุจิแข็งแรงและทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะเพศมากขึ้นบรรเทาอาการใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว ช่วยบำรุงปอด
เห็ดหลินจือ มีสารพอลิแซ็กคาไรด์ (polysaccharide) ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายต้านเซลล์มะเร็ง เห็ดหลินจือ มีสารสเตียรอยด์ธรรมชาติมีกำมะถันทองแดงสูง จึงอาจก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ การกินเห็ดหลินจือที่เหมาะสมคืออยู่ในปริมาณที่พอดี แล้วดื่มน้ำตามมากๆ เห็ดหลินจือมีสรรพคุณที่ช่วยบำรุงร่างกาย เหมาะทุกเพศวัย การกินเห็ดหลินจือ ในครั้งเริ่มแรกอาจส่งผลให้รู้สึกมึนหัว และปวดตัว เนื่องจากสรรพคุณของเห็ดหลินจือที่ช่วยขับพิษออกจากร่างกายจึงทำให้เกิดอาการดังกล่าว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังฟื้นตัว และปรับสมดุลให้ร่างกายเป็นปกติให้ได้มากที่สุด เช่น ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน อาจมีการขับปัสสาวะบ่อยขึ้น ผู้ที่เป็นโรคเกาต์อาจเกิดอาการเจ็บปวดมากขึ้น หรือผู้ที่เป็นโรคไตอาจมีอาการปวดเมื่อยตามข้อ หรือข้อบวม เป็นผลจากการฟื้นตัวของร่างกาย ประโยชน์ของเห็ดหลินจือเป็นยาบำรุงร่างกาย ช่วยให้อายุยืนยาว บำรุงผิวให้สดใส มีน้ำมีนวล
สารสกัดจากถั่วขาว หรือ ฟาซิโอลามิน (Phaseolamin) คือ สารที่ทำหน้าที่ช่วยยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ แอลฟา-อะไมเลส ที่ทำหน้าที่ย่อยคาร์โบไฮเดรต บริเวณลำไส้เล็กส่วนต้น ซึ่งเป็นเอ็นไซม์ที่ช่วยย่อยแป้งให้เป็นโมเลกุลที่เล็กลง ส่งผลให้อาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลที่เรารับประทานเข้าไปถูกดูดซึมนำไปใช้เป็น นั้นเอ็นไซม์จะย่อยน้ำตาลอย่างอิสระเช่นเดิม แป้งที่เราบริโภคเข้าไปจึงไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายทั้งหมด การสะสมของไขมันที่เกิดจากการเปลี่ยนรูปของน้ำตาลจึงลดลงด้วย เมื่อร่างกายได้รับพลังงานลดลง จึงดึงเอาไขมันเก่าที่สะสมไว้มาเผาผลาญ ทำให้ไขมันในร่างกายลดลงด้วย
สารสกัดจากกระบองเพชร (Opuntia ficus ibdica(L)Mill มี คุณสมบัติ เป็นใยอาหาร 2 ชนิด คือ ใยอาหารประเภทละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ดักจับตัวกับไขมันและสร้างเจลพิเศษ ป้องกัน การย่อยสลาย และดูดซึมไขมัน นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยว่า เจล ที่สร้างจากสารสกัดจากกระบองเพชร สามารถเคลือบกระเพาะอาหาร และป้องกันแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย สารสกัดจากกระบองเพชร Cactus Extract ยังอุดมด้วยเส้นใยคุณภาพสูง ลดความอยากอาหาร อิ่มนาน ไม่หิวบ่อย ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด อุ้มน้ำได้ดี ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ป้องกันโรคริดสีดวง
แมกนีเซียม เป็นสารอาหารประเภทเกลือแร่หรือแร่ธาตุชนิดหนึ่ง ซึ่งก็จัดอยู่ในกลุ่มของเกลือแร่ที่มีอยู่มากในร่างกาย ประโยชน์ของแมกนีเซียม (Magnesium) ช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย เกี่ยวข้องกับขบวนการเผาผลาญที่จำเป็นหลายขบวนการ และโพแทสเซียมช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรน ลดอาการซึมเศร้า เครียดและช่วยให้นอนหลับ โดยเป็นตัวที่ไปช่วยในการสร้างสารเมลาโทนิน เมื่อแมกนีเซียมรวมกับแคลเซียมแล้วจะทำงานคล้ายเป็นยาระงับประสาทจากธรรมชาติ ช่วยให้รู้สึกสงบ สำหรับแคลเซียมและแมกนีเซียม แร่ธาตุทั้ง 2 ตัวจะช่วยในการทำงานของระบบประสาท ควบคุมการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อ
แอล-คาร์นิทีน จะเร่งผลิตไมโทคอนเดรีย ทำให้ไขมันเปลี่ยนเป็นพลังงาน และทำให้สเปิร์มเคลื่อนตัวได้ดีขึ้นทำให้มีส่วนในการทำงานเผาผลาญไขมัน เป็นที่นิยมของผู้ที่ออกกำลังเสริมความฟิตให้กับร่างกายและต้องการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งในคนอ้วนนั้นมีการทดสอบพบว่า ในเนื้อเยื่อไม่มีสารกลุ่มคาร์นิทีนเลยหรือมีน้อยเป็นข้อสันนิษฐานว่าความอ้วน ไขมัน และแอล-คาร์นิทีน มีความเกี่ยวพันกัน โดยเกี่ยวข้องกับการลำเลียงไขมันไปใช้งาน และเมื่อร่างกายมีแอล-คาร์นิทีนเพิ่มขึ้น ทำให้การเผาผลาญไขมันดีขึ้นหน้าที่ของแอล-คาร์เนทีน จะช่วยดึงไขมันเข้าไปในโรงงานผลิตพลังงานระดับเซลล์ของเรา (คือไมโตคอนเดีย)จะช่วยดึงไขมันเข้ามาเผาผลาญ ออกมาเป็นพลังมากขึ้น จะเห็นผลได้ดีที่สุดเฉพาะคนที่รักการออกกำลังกายหนักๆแต่ถ้าคุณเป็นคนไม่ออกกำลังกายเลยก็ไม่มีผลใดๆ แอล- กลูต้าไธโอน (L-Glutathione ) เป็นสารประเภท Tripeptide ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่ Cysteine (ซิสเทอีน) , Glycine (ไกลซีน) และ Glutamic acid (กลูตามิกแอซิต) พบมากที่ตับของมนุษย์L-Glutathione (แอล- กลูต้าไธโอน) เป็นกรดอะมิโนที่สำคัญในการต่อต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดกระ, ฝ้า และจุดด่าง ประโยชน์ของกลูต้าไธโอนช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย Detoxitication : กลูต้าไธโอน ช่วยสร้างเอนไซม์ชนิดต่างๆในร่างกายโดยเฉพาะ Glutathione-S-transferase ที่ตับ ช่วยในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายโดยไปเปลี่ยนสารพิษชนิดไม่ละลายน้ำ(ละลายในน้ำมัน) เช่น พวกโลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง แม้แต่ยาบางชนิด กลูต้าไธโอน จะส่งผลในการเพิ่มความสามารถในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคของเม็ดเลือดขาวชนิดNeutrophilsและยังเพิ่มความสามารถในการทำงานของเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิต้านทานของร่างกายด้วยทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มมากขึ้น Beauty and Whitening : รังสี UV-A และ UV-B ในแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินและอนุมูลอิสระ ทำลายเซลล์ผิว ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำและเกิดฝ้า L-Glutathione (แอล กลูต้าไธโอน) มีคุณสมบัติช่วยในการต่อต้านกลไกของอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิด Lipid peroxide ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดฝ้า สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract) ช่วยลดปัญหาสำหรับผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอกันช่วยในการป้องกันการเกิดโรคข้ออักเสบช่วยป้องอันตรายจากรังสีและเคมีบำบัดบางชนิดได้ด้วย ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตด้วยการยับยั้งการถูกทำลายของคอลลาเจนมีประโยชน์ต่อหัวใจ โดยการช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยรักษาความผิดปกติของหลอดเลือดและเส้นเลือดขอด เส้นเลือดฝอยแตก หรือเส้นเลือดฝอยเปราะได้ แอลกรูตามีน (L-Glutamine) มีช่วยลดอาการอ่อนล้าของกล้ามเนื้อในระหว่างออกกำลังกาย โดย L-Glutamineจะช่วยทำลายกรดแลคติค (Lactic Acid) ที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อ ทำให้เราสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้นโดยไม่เหนื่อยล้า ซึ่งการออกกำลังกายได้นานขึ้น จะมีผลทำให้ มีการหลั่งฮอร์โมน Growth hormone ให้มากขึ้นทางอ้อมเช่นกัน ช่วยกระตุ้นการหลั่ง Growth Hormone ฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตให้มากขึ้น นอกจากจะทำให้มีการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ร่างกายเจริญเติบโตแล้ว ยังเป็นฮอร์โมนแห่งความเยาว์วัยทำให้เรากลับมาเป็นหนุ่มสาวใหม่ได้อีกครั้ง
คอลลาเจน ช่วยในเรื่องเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างต่างๆของร่างกาย และยังทำหน้าที่ช่วยปกป้องโครงสร้างของผิว จากการถูกทำร้ายโดยแสงแดด มลพิษจากสิ่งแวดล้อม และสารพิษอื่นๆที่ก่อใหเกิดโรคทางผิวหนัง เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนก็จะเริ่มลดน้อยลงตามไปด้วย เมื่อผิวได้รับความเสียหายในช่วงเวลานั้น จะทำให้เกิดความเสียหายต่อชั้นผิวได้ง่าย เซลล์ที่เสียหาย และเสื่อมสภาพ จะทำให้เกิดริ้วรอยที่ผิวหนัง และความเสียหายในเส้นใยเอ็น ความยืดหยุ่นของข้อต่อลดน้อยลง เป็นต้น